
กรมทางหลวงชนบทออกมาเตือนชาวนาให้งดนำข้าวออกมาตากบนถนน เพราะมีความผิดระวางโทษปรับไม่เกิน 500 บาท และหากเกิดอุบัติเหตุต้องต้องใช้ค่าเสียหายทางแพ่งด้วย
นายเอกพงศ์ สุรพันธ์พิชิต หัวหน้างานบริการวิชาการด้านกฏหมาย สำนักงานกฏหมาย กรมทางหลวงชนบท ได้ออกมาให้้ข้อมูลเรื่องการตากข้าวของชาวนาบนถนนที่กำลังเป็นปัญหาในขณะนี้ว่า
จากเหตุการณ์ที่มีผู้ขับขี่รถยนต์ประสบอุบัติเหตุอันเนื่องมาจากการตากข้าวของชาวนาบนถนนที่ใช้สัญจรตามปกตินั้น ผู้เสียหายสามารถเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากผู้ที่นำข้าวมาตากได้ และผู้ที่นำข้าวมาตากนั้นยังมีความผิดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบกพ.ศ.2522 มาตรา 114 วรรคหนึ่งมีโทษตามมาตรา 148 ระวางโทษปรับไม่เกิน 500 บาท อีกด้วย
พ.ร.บ.รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ. 2545 มาตรา19 มีโทษตามมาตรา 57 ระวางโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท และ พ.ร.บ.ทางหลวง พ.ศ. 2535 มาตรา 38 วรรคหนึ่ง มีโทษตามมาตรา 72 ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ในกรณีที่การกระทำครั้งเดียวกันนั้นเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 กำหนดหลักการไว้ให้ลงโทษตามกฎหมายที่มีอัตราโทษสูงสุดจึงต้องลงโทษตาม พ.ร.บ.ทางหลวง พ.ศ.2535
โดยมาตรา 38 วรรคหนึ่งแห่ง พ.ร.บ.ทางหลวงพ.ศ. 2535 บัญญัติว่า “ห้ามมิให้ผู้ใดติดตั้ง แขวนวาง หรือ กองสิ่งใดในเขตทางหลวงในลักษณะ ที่เป็นการกีดขวางหรืออาจเป็นอันตรายแก่ยานพาหนะ หรือในลักษณะที่จะทำให้เกิดความเสียหายแก่ทางหลวงหรือความไม่สะดวกแก่งานทาง
เว้นแต่ได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากผู้อำนวยการทางหลวงหรือ ผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากผู้อำนวยการทางหลวงในการอนุญาต ผู้อำนวยการทางหลวง หรือ ผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากผู้อำนวยการทางหลวงจะกำหนดเงื่อนไขอย่างใดก็ได้”
แม้กฎหมายจะกำหนดให้สามารถขออนุญาตได้ก็ตาม แต่การจะนำสิ่งใดมาวางกองบนถนนในลักษณะดังกล่าวย่อมจะเกิดผลกระทบต่อการใช้ทางสัญจรไปมาได้อย่างปลอดภัย ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม จึงเป็นกรณีที่ไม่อาจอนุญาตได้ จึงขอย้ำเตือนไปยังท่านเกษตรกรทุกท่าน ขอให้คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ใช้รถใช้ถนน ซึ่งอาจเป็นคนในครอบครัวของท่านเองด้วย เพราะคงไม่มีใครอยากให้เกิดความสูญเสียตามที่เป็นข่าว