
เป็นเรื่องเป็นราวกันใหญ่โตทุกครั้ง เมื่อเจ้าหน้าที่ขอตรวจค้นรถ แล้วพบสิ่งผิดกฏหมาย เจ้าของรถก็มักจะปฏิเสธว่าโดยตำรวจใส่ร้ายบ้าง อย่างล่าสุดก็คนขับสิบล้อที่กำลังเป็นประเด็นกันขณะนี้โดยตำรวจพบยาบ้า 1 เม็ดภายในรถ แต่เจ้าของรถปฏิเสธ และร้องขอความเป็นธรรม เพราะคิดว่าโดนยัดยา ดังนั้นเมื่อมีตำรวจขอค้นรถ แนะนำให้ว่าให้ทำตามนี้ไว้ จะปลอดภัยครับ
1. ขอบันทึกวิดีโอไว้เป็นหลักฐาน
ในระหว่างการตรวจค้น เราสามารถขอบันทึกวิดีโอไว้เป็นหลักฐานได้ โดยไม่เป็นการขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่ เพราะ ถือว่าเป็นการป้องกันสิทธิ์ของตนได้โดยชอบด้วยกฎหมาย
2. ก่อนการตรวจค้น
หากเราไม่ได้มี สิ่ ง ผิ ด ก ฎ ห ม าย ให้เราแจ้งแก่เจ้าหน้าที่ให้ทราบเลยว่า ” ขอบันทึกวีดิโอไว้เป็นหลักฐานขณะตรวจค้น ถ้าเรามีสิ่งของผิดกฎหมายก็จะได้เป็นพยานหลักฐานดำเนินคดีกับตัวของเราเอง แต่ถ้าไม่มีก็จะเป็นหลักฐานในการยืนยันความบริสุทธิ์ของตน “
3. ตัวเราเองก็ต้องแสดงความบริสุทธิ์ใจ
เราเองหากมั่นใจว่าไม่ได้มี สิ่ ง ผิ ด ก ฎ ห ม าย ก็ต้องแสดงความบริสุทธิ์ใจ ด้วยการดึงกระเป๋ากางเกง ทั้งสองข้างออกให้เจ้าพนักงานดู เปิดกระเป๋าให้ดู ( แนะนำให้ทำด้วยตนเอง ห้ามให้เจ้าหน้าที่มาค้น )
4. ให้เจ้าหน้าที่แสดงความบริสุทธิ์ใจเช่นเดียวกัน
ก่อนการตรวจค้นเราก็ต้องขอให้เจ้าหน้าที่แสดงความบริสุทธิ์ใจเช่นเดียวกัน โดย ให้เจ้าหน้าที่ที่จะทำการตรวจค้นแสดงตนโดยเปิดเผย ไม่ใส่หน้ากากคุมหน้า ให้บอก ชื่อ ยศ ตำแหน่ง , แสดงบัตรประจำตัว , ตรวจดูมือ , ดึงเสื้อแขนยาวขึ้น, ล้วงกระเป๋าควักออกมาเพื่อให้เห็นว่าไม่มีสิ่งซุกซ่อนอยู่ และ โดยขอให้เจ้าหน้าที่ตรวจค้นเพียงคนเดียว และ ทำการบันทึกวีดิโอไปพร้อมๆกันในการตรวจค้นแต่ละจุดไปพร้อมกัน เพื่อเป็นหลักฐานทั้งสองฝ่าย
5. อย่าอายให้ตะโกนดังๆ “ ช่วยด้วยๆๆ ”
ขอความช่วยเหลือเมื่อเกิดเหตุการณ์ผิดปกติในการตรวจค้น เพื่อให้คนอื่นที่ผ่านไปมามองเห็น แล้วใช้วิกฤตเป็นโอกาส ให้คนที่มามุงใครก็ได้ช่วยถ่ายวีดีโอไว้ขณะนั้น หรือ ร้องขอให้ไทยมุงช่วยโทรแจ้งนักข่าวมายังที่เกิดเหตุ
6. หากเกิดปัญหาขึ้น
หากเกิดปัญหาขึ้นให้รีบติดต่อญาติ หรือ คนใกล้ชิดให้ได้เร็วที่สุดให้มาหาเรา ณ จุดเกิดเหต สมมติว่าถ้าเราอยู่ตัวคนเดียวตะโกนดังว่าขอให้พี่ๆไทยมุงอย่าเพิ่งไปไหนอยู่กันเยอะๆได้โปรดอยู่เป็นเพื่อนก่อน
7. ถ้าเราถูกควบคุมตัว
สำคัญมากๆ ถ้าเราถูกควบคุมตัว แล้วของกลางมิใช่ของๆเรา ห้ามหยิบ ห้ามจับ ห้ามแตะ เป็นอันขาดขอย้ำ เพราะ จะทำให้มีลายนิ้วมือเราไปปรากฎอยู่บนของกลาง
8. อย่าไปกลัวถ้าเราไม่ผิด
อย่าไปกลัวถูกซ้อม อย่าไปกลัวถูกข่มขู่ถ้าเราไม่ผิดนั้น อย่าเซ็นชื่อลงในเอกสารใดๆทั้งสิ้น และ ถ้าจำต้องลงชื่อในเอกสารที่มีหลายแผ่นนั้นขอให้อ่านช้าๆ และ อ่านให้เข้าใจแต่ละหน้าซึ่งถ้าถ้อยคำหรือข้อความไม่ใช่หรือไม่ถูกต้องตามความเป็นจริงแล้วนั้นต้องขอให้แก้ไขให้เสร็จสิ้นเสียก่อนแล้วจึงลงชื่อย่อๆ แต่ละหน้าๆ เพื่อป้องกันการแก้ไขหรือเพิ่มเติม
9. อย่าชี้ตามที่เจ้าหน้าที่บอก
ถ้าเราไม่ได้กระทำความผิด อย่าชี้จุเกิดเหตุให้ถ่ายภาพ หรือ อย่าชี้ของกลาง ถ้าไม่ใช่ของเราอย่าชี้เป็นอันขาด
10. ขณะถูกควบคุมตัว
ขณะถูกควบคุมตัวให้ญาติ,พี่น้อง,คนไว้วางใจ นั่งเฝ้าจนกว่าจะนำตัวส่งศาล และ ทำการร้องขอให้จนท.ติดตามผู้ซึ่งไว้วางใจหรือ ทนาย ความ เข้าฟังการสอบสวนจนกว่าจะแล้วเสร็จ
10. ถ้าเราไม่ผิดให้สวมวิญญาณนักร้อง (เรียน)
ถ้าเราไม่ผิดควรเข้าร้องเรียนเพื่อร้องขอความเป็นธรรมต่อสื่อมวลชน และ สื่อตามโซเชียลต่างๆ ซึ่งสามารถเป็นกระแสได้ไวมากกับข่าวแบบนี้
สรุปกรณีอุทธาหรณ์ดังกล่าวข้างต้นนั้นท่านสามารถเลือกใช้ตามความเหมาะสมหรือพฤติการณ์แต่ละเหตุการณ์หรือแล้วแต่สถานะการณ์เชื่อว่าน่าจะเป็นประโยชน์กับทุกท่านไม่มากก็น้อย
บทความดังกล่าวไมได้มีเจตนาพาดพิงถึงบุคคลใด หรือ องค์กรใดๆทั้งสิ้น นำเสนอเพื่อเป็นวิทยาทานความรู้ และ รักษาสิทธิที่เราทุกคนควรจะได้รับ
Cr. ขอบคุณข้อมูลจาก postnoname